แนะนำสำหรับใครที่ดูคลิปหนังออนไลน์แล้วสะดุด ให้ลองใช้ google chrome ครับ

google chrome มีคุณสมบัติที่ดีสำหรับนักท่องเว็บครับ เพราะโหลดหน้าเว็บได้เร็ว และ ดูคลิปหนังออนไลน์ได้ดี ไม่สะดุด ลองหามาใช้กันครับ ติดตั้งง่าย และ เร็ว ที่สำคัญฟรีๆไม่มีค่าใช้จ่าย ลองดูคุณสมบัติ google chrome

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การกำเหนิด Mitsubishi Lancer Evolution 1

มาทำความรู้จัก การกำเหนิด Mitsubishi Lancer Evolution 1



ก่อนที่เราจะได้รู้จัก Mitsubishi Lancer Evolution มารื้อฟื้นกันหน่อย ก็ดีครับว่าเจ้า Evo นั้นมีต้นกำเนิดเกิดขึ้นกันมาอย่างไร

เริ่มตำนานในราวปี 1962 เมื่อทาง Mitsubishi Motor Corporation สนใจนำรถเข้าร่วมการแข่งขัน Rally ที่มีชื่อว่า WRC หรือ World Rally Championship ซึ่งได้จัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อค้นคว้า และ หาเทคนิคต่างๆ มาพัฒนาทีมรถแข่งของ Mitsubishi โดยเฉพาะชื่อว่า RALLI ART ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้

ในสมัยแรก RALLI ART ได้นำรถ Mitsubishi Model 500 ออกมาเข้าร่วมแข่งขันด้วยเครื่องยนต์ 493 ซีซี 21 แรงม้า ถือเป็นการเริ่มต้นการแข่งขันจนถึงยุคปี 1973 ซึ่งทาง RALLI ART ก็ได้เปิดต้นกำเนิดรถยนต์ตระกูล Lancer ด้วย Lancer1600 GSR ที่บ้านเราพอจะเห็นๆวิ่งกันอยู่ที่เรียกกันว่า แลนเซอร์ไฟนอน ไฟแอล นั่นหละครับ และรุ่นนี้ก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับทีม Mitsubishi โดยได้เป็นแชมป์โลกติดต่อกันหลายต่อหลายปี จนมาถึงยุคปี 80 ทาง Mitsubishi ก็ได้เปิดตัวสายพันธ์แรลลี่ขึ้นมาใหม่อีกตัวหนึ่งคือ Lancer EX 2000 turbo หรือเจ้ากล่องไม้ขีด และถือเป็นการกำเนิดตำนานเครื่องยนต์ตัวแรงบล็อค 4G63 ในสมัยแรกเรียกกันว่าเครื่อง Sirius ที่นักแข่งรุ่นเก่าเรียกๆกันว่าซิลิอุสคอดำคอแดงนั่นเอง ก่อนจะเปลี่ยนผู้รับตำแหน่งแชมป์มาเป็นรถสปอร์ตสองประตู STALION 2000 GSR ขับเคลื่อนล้อหลังตัวสุดท้าย ในเครื่องยนต์รหัส 4G63B Dash 8 วาล์ว เทอร์โบ 175 แรงม้า จนถึงปี 1990 ก็สืบทอดตำแหน่งให้กับ Mitsubishi Galant VR4 ซึ่งถือเป็นยนตกรรมใหม่หมด ตั่งแต่เครื่องยนต์ แบบ DOSH 16 วาล์ว Cyclone เทอร์โบ 205 แรงม้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จนถึงรุ่นสุดท้ายของ VR4 ในบล็อก 4G63T ECI ที่ให้พลังถึง 240 แรงม้า จนกระทั่งปี 1992 ทาง Mitsubishi Motor ก็ได้ผลิตรถยนต์ Lancer ขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า Mitsu Ecar และในที่สุดแล้วทาง RALLI ART ก็ได้นำ Ecar มาเข้าสู่สายพานการผลิต Lancer Evolution ด้วยเหตุผลที่เหนือกว่า VR 4 ตรงที่มีขนาดเล็กกว่า แบกน้ำหนักน้อยกว่าถึง 18 % จาก VR4 ที่น้ำหนักถึง 1,350 kg เหลือเพียง 1,170 kg ใน Evo1 ทำให้ Evolution มีความได้เปรียบ Galant VR4 ในเรื่องแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่มาก



การผลิตรถ Evolution เพื่อให้เป็นไปตามกฎของ Homo logate ของสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติ FIA ของการแข่งขันรุ่น Group A ที่กำหนดไว้ว่า รถยนต์ที่เข้าร่วมในการแข่งขันต้องเป็นรถที่ผลิตขึ้นเพื่อในการจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 2,500 คัน ดังนั้น Lancer Evolution จึงถูกผลิตขึ้นในจำนวนน้อยเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ที่มีสมรรถนะ และความแรงสูงกว่ารถยนต์ Lancer ที่ขายอยู่ในท้องตลาดโดยได้แบ่งรุ่นออกเป็นสองรุ่น คือ GSR ที่ตัวรถจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาอย่างเพียบพร้อมเหมาะกับการใช้งานบนท้องถนน และรุ่น RS ที่ผลิตมาให้มีความแข็งแรงสูงกว่า ตัดอุปกรณ์ต่างๆออกไปมีแต่อุปกรณ์ที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อส่งให้กับทีมแข่งต่างๆนำไปตกแต่งเพื่อใช้ในการแข่งขัน

Evolution I

ผลิตขึ้นในปี 1992 ใช้รหัสตัวถังว่า CD 9A ถือว่าเป็น Evolution ตัวแรกในสายการผลิต
บอดี้
ได้รับการพัฒนามาจาก Mitsubishi Lancer ให้มีความแข็งแรงสูงกว่า โดยการเพิ่มจุดเชื่อม Sport ให้มากกว่า เสริมแผ่นเหล็กยึดตัวถังเพิ่มขึ้นหลายจุด เพื่อรองรับแรงกระแทก แรงบิดของเครื่องยนต์ที่แรงขึ้น การบิดตัวของตัวถังรถ และระบบส่งกำลังแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้านหน้าเพิ่มกันชนสปอยเลอร์ ที่มีช่องรับลมละบายความร้อนอินเตอร์ และช่องรับลมระบายความร้อนดิสเบรกหน้า ฝากระโปรงหน้าแบบมีช่องระบายอากาศ และสปอยเลอร์หลังทรงสูงแบบชั้นเดียวเพิ่มแรงกดของอากาศ
เครื่องยนต์
รหัส 4G63T ฝาเทาหรือที่เรียกกันว่าฝากระปิ ได้รับการพัฒนามาจาก Galant VR4 ตัวสุดท้าย ให้มีแรงม้าเพิ่มขี้นจาก 240 แรงม้า โดยมีการปรับปรุงอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ กล่องและแอร์โฟว์ ย้ายคอยล์จุดระเบิดไว้ด้านบนคอไอดี และเทอร์โบมาใช้รหัส TD05H-16G-7 ทำให้มีพลัง 250 แรงม้าที่ 6,000 รอบ / นาที แรงบิดสูงสุด 31.5 kg-m ที่ 3,000 รอบ / นาที
ช่วงล่าง
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Timeได้รับการพัฒนามาจาก VR4 อีกเช่นกันโดยมีอัตราทดเฟืองท้าย 4.376 ระบบรับแรงสั่นสะเทือนแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทหน้า และ เทรลลิ่งอาร์ม มัลติลิงค์ กับจานดิสเบรกหน้าขนาดใหญ่ แม่ปั้ม 2 port หน้า และดิสเบรกหลัง
engine
position
valvetrain
displacement
bore
stroke
compression
power
hp per litre
bhp/weight
torque
drive wheels
front tire size
rear tire size
weight
wheelbase
front track
rear track
length
width
height
production

All Aluminum, 4G63 Inline-4
Front Transverse
DOHC, 4 Valves per Cyl
1997 cc / 121.9 cu in
85 mm / 3.35 in
88 mm / 3.46 in
8.8:1
186.4 kw / 250 bhp
125.19 bhp per litre
250 bhp per weight
309.13 nm / 228 ft lbs @ 3000 rpm
Front Engine / 4WD
195/55R15
195/55R15
1240 kg / 2734 lbs
2500 mm / 98.4 in
1450 mm / 57.1 in
1450 mm / 57.1 in
4310 mm / 169.7 in
1695 mm / 66.7 in
1395 mm / 54.9 in
5000
Evolution II

ผลิตขึ้นในปี 1993 ใช้รหัสตัวถัง CE 9A
บอดี้
พัฒนาต่อเนื่องมาจาก Evolution ฝากระโปรงหน้าแบบมีช่องระบายความร้อนแบบเดียวกับ Evo I กันชนหน้าคล้ายกับ Evo I แต่ช่องระบายความร้อนอินเตอร์คูเลอร์ และช่องลมเป่าดิสเบรกหน้า มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย และสปอยเลอร์ท้ายแบบทรงสูงเหมือน Evo I แต่ได้เพิ่มชิ้นล่างเป็นสองชั้น เพิ่มแรงกดอากาศเพิ่มขึ้นได้อีกมาก
เครื่องยนต์ รหัส 4G63T เหมือนกับ Evo I ต่างกันที่เครื่องรุ่นนี้จะใช้น็อตตัวผู้ยึดกับตัวฝาสูป แต่ Evo I และ VR 4 จะมีน็อตตัวผู้โผล่ออกมาแล้วใช้น็อตตัวเมียยึด เปลี่ยนแปลงอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์อีกนิดหน่อย ขยายท่อไอเสียให้ใหญ่ขึ้น และเพิ่มแรงดันเทอร์โบให้สูงขึ้นจนมีพลังอยู่ที่ 260 แรงม้าที่ 6,000 รอบ / นาที และแรงบิด 31.5 kg-m ที่ 3,000 รอบต่อนาที
ช่วงล่าง
ได้รับการปรับปรุงจาก Evo I ให้ฐานล้อมีขนาดกว้างขึ้นอีก 10 มม. เปลี่ยนบูชยาง เหล็กกันโคลง ช็อคอัพและสปริงให้ใหญ่ขึ้น รวมถึงดิสเบรกหน้าหลังที่ขนาดโตขึ้น ล้อ – ยางของ OZ ขนาด 15 นิ้ว และยาง 205 / 60R15 เพิ่มการเกาะถนนได้อีกมาก
engine
position
aspiration
valvetrain
displacement
bore
stroke
compression
power
hp per litre
bhp/weight
torque
redline
drive wheels
front tire size
rear tire size
weight
wheelbase
front track
rear track
length
width
height
production

4G63 Inline-4
Front Transverse
Turbocharged
DOHC, 4 Valves per Cyl
1997 cc / 121.9 cu in
85 mm / 3.35 in
88 mm / 3.46 in
8.5:1
193.9 kw / 260 bhp
130.2 bhp per litre
260 bhp per weight
309.13 nm / 228 ft lbs @ 3000 rpm
7000
4WD
205/55R16
205/55R16
1250 kg / 2756 lbs
2510 mm / 98.8 in
1465 mm / 57.7 in
1470 mm / 57.9 in
4310 mm / 169.7 in
1695 mm / 66.7 in
1395 mm / 54.9 in
5000 (GSR and RS Models)
Evolution III

ผลิตขึ้นในปี 1995 ใช้รหัสตัวถังว่า CE 9A ถือเป็น Evo ตัวสุดท้ายในบอดี้นี้
บอดี้
มีการเปลี่ยนแปลงกันชนหน้าให้มีขนาดใหญ่ สวยงามและดุดันขึ้น มีสเกิตบันไดข้างที่มีสัญลักษณ์ว่า Evolution III และสปอยเลอร์หลังทรงสูง และเพิ่มความแข็งแรงโดยมีค้ำกลางช่วยตัดอากาศ และกันชนท้ายที่มีครีบจัดเรียงอากาศ ช่วยให้สวยงามและแกะถนนเพิ่มขึ้นที่ความเร็วสูง
เครื่องยนต์ รหัส 4G63T ที่พัฒนาเพิ่มม้าขึ้นอีก 10 ตัว โดยการเปลี่ยนเทอร์โบขนาดโตรหัส TD05H-16G-7 เพิ่ม ONE WAY VALE ด้านหลังคอไอดี ทำให้มีแรงม้า 270 ตัวที่ 6,250 รอบ / นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 31.5 kg-m ที่ 3,000 รอบ / นาที
ช่วงล่าง
เป็นลักษณะเดียวกันกับ Evo II ด้วยช่วงล่างและระบบเบรกที่เท่ากัน ทำให้ Evo II และ Evo III มีสมรรถนะสูงกว่า Evo I อยู่มาก
engine
position
aspiration
valvetrain
fuel feed
displacement
bore
stroke
power
hp per litre
bhp/weight
torque
drive wheels
front tire size
rear tire size
f suspension
r suspension
weight
wheelbase
front track
rear track
length
width
height
production

4G63 Inline-4
Front Transverse
Turbocharged
DOHC 4 Valves / Cyl
ECI Multiport Injection
1997 cc / 121.9 cu in
85 mm / 3.35 in
88 mm / 3.46 in
201.3 kw / 270 bhp @ 6000 rpm
135.2 bhp per litre
214.29 bhp per weight
309.13 nm / 228 ft lbs @ 3000 rpm
4WD
205/55R16
205/55R16
MacPheron Struts w/Coil Springs
Multi-Link Struts w/Coil Springs
1260 kg / 2778 lbs
2510 mm / 98.8 in
1470 mm / 57.9 in
1470 mm / 57.9 in
4310 mm / 169.7 in
1695 mm / 66.7 in
1395 mm / 54.9 in
7000
ขอบคุณที่มา http://www.thaispeedcar.com