แนะนำสำหรับใครที่ดูคลิปหนังออนไลน์แล้วสะดุด ให้ลองใช้ google chrome ครับ

google chrome มีคุณสมบัติที่ดีสำหรับนักท่องเว็บครับ เพราะโหลดหน้าเว็บได้เร็ว และ ดูคลิปหนังออนไลน์ได้ดี ไม่สะดุด ลองหามาใช้กันครับ ติดตั้งง่าย และ เร็ว ที่สำคัญฟรีๆไม่มีค่าใช้จ่าย ลองดูคุณสมบัติ google chrome

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มาดูการแต่ง COLOUR A ALTIS แบบเน้นหล่อแต่ไม่เน้นแรง


ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลายท่านที่ติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับแวดวงยานยนต์ คงไม่พลาดงาน The Bangkok International Motor Show ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ภายในงานประกอบด้วยการแสดงเทคโนโลยีอันทันสมัยของยานยนต์แต่ละค่าย รวมถึงการแสดงรถแต่งที่ทั้งหล่อและแรงจากนิตยสาร Tuned by…น่าจะทำให้หลายท่านได้ตื่นตาตื่นใจกันไปบ้างนะครับ
กลับมาถึงรถที่จะนำเสนอในคอลัมน์เดือนนี้ดีกว่าครับ การเสนอในครั้งนี้อาจแตกต่างจากที่ผ่านมาบ้าง เพราะในเดือนนี้เราได้นำรถที่ตกแต่งแบบเน้นความหล่อมากกว่าความแรง ซึ่งรับรองว่า ถึงแม้จะไม่แรงในสไตล์รถซิ่ง แต่ก็เท่ไม่แพ้คันอื่น ๆ ที่ผ่านมาเหมือนกัน โดยรถที่นำมาทั้งสองคันนี้ก็คือ TOYOTA ALTIS ที่เน้นความเด่นจากชุดแต่งแอโรพาร์ท
ALTIS BY TRD AND YATT
คันแรกที่นำเสนอทางผู้เขียนก็รู้สึกลำบากใจพอสมควร เพราะรถทั้งสองคันช่างเหมือนกันเหลือเกิน กลัวว่าท่านผู้อ่านทั้งหลายจะเกิดความสับสนขึ้นมาซะก่อน แต่ด้วยจิตวิญญาณของผู้เขียน ที่ต้องถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ออกมาด้วยตัวหนังสือ ทำให้ต้องพยายามหาจุดเด่นที่ดูแตกต่าง แล้วในที่สุดก็ได้พบเข้าแล้ว นั่นคือฝากระโปรงหน้า เมื่อมองไปแล้วจะเห็นว่ามีสีเหลือบที่ดูแล้วออกเป็นสีแดง ลองสังเกตกันให้ดีนะครับ จะได้ไม่สับสน





ภายนอกเล่นแบบลูกผสมแต่ดูลงตัว
ภายนอกของคันแรก จุดเด่นที่ผมสังเกตว่าเด่นเป็นพิเศษ คงต้องยกให้กับฝากระโปรงในแบบเหลือบแดงที่มีชื่อเรียกจากทางร้าน YATT ว่า “3D KEVLAR” เป็นรูปแบบการผสมผสานระหว่างเส้นใย 3 สี ได้แก่เส้นใยคาร์บอนสีดำ เส้นใยสีแดง และเส้นใยสีบรอนซ์ ทำให้เวลาสะท้อนกับแสงแดดจะเกิดเป็นประกายแดงโดดเด่นออกมาดูเหมือน 3 มิติ จากฝากระโปรงก็มาต่อกันที่ชุดแอโรพาร์ทรอบคัน จัดการนำของ TRD และ YATT มาผสมกันอย่างลงตัว โดยกระจังหน้า สเกิร์ตหน้า-หลัง และสปอยเลอร์หลัง จะเป็นของ TRD ส่วนสเกิร์ตข้างเป็นของ YATT นอกจากนี้ยังมีไฟท้ายที่นำจากรุ่น MINOR CHANGE มาใช้ด้วย ซึ่งข้อแตกต่างของไฟท้ายแบบใหม่นี้ นอกจากรูปแบบการจัดวางตำแหน่งของไฟที่ต่างออกไปแล้ว ยังมีจุดเด่นตรงที่ไฟเบรกเป็นหลอดแบบ LED




เครื่อง 1ZZ-FE แบบ LIGHT TUNED

เครื่องยนต์ที่ถูกติดตั้งมากับ COROLLA ALTIS มีอยู่ด้วยกัน 2 สเป็กคือ 3 ZZ-FE ขนาด 1,600 ซี.ซี. 110 แรงม้า และ 1ZZ-FE ขนาด 1,800 ซี.ซี. 136 แรงม้า ซึ่งในคันนี้เครื่องยนต์ที่ติดมากับรถเป็นรุ่น 1ZZ-FE พร้อมกับมีการโมดิฟายแบบ LIGHT TUNE ด้วยการเปลี่ยนเฮดเดอร์สูตร 4-1 จาก MENG HEADER พร้อมกับทำการขยายท่อไอเสียเป็นขนาด 2.2 นิ้ว พร้อมหม้อพักหลังของ HKS ต่อจากนั้นก็จัดการในเรื่องของระบบจุดระเบิดด้วยการเปลี่ยนไปใช้หัวเทียน HKS เบอร์ 7 (เป็นหัวเทียนที่เย็นกว่าเดิม 1 เบอร์) และเพื่อให้อากาศสามารถ FLOW เข้าเครื่องยนต์ได้ดีกว่าเดิม จึงได้เปลี่ยนไปใช้กรองอากาศของ GRUPPEM ที่มีกรอบป้องกันความร้อนจากเครื่องยนต์ติดตั้งอยู่ด้วย ส่วนระบบเกียร์นั้น ของเดิมเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด SUPER ECT ที่มีโหมดการทำงานให้เลือก 2 แบบ คือเพาเวอร์และธรรมดา ช่วยให้เกิดความสะดวกสบายในการขับขี่




ช่วงล่างสปอร์ต TRD

สำหรับช่วงล่างถูกออกแบบระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระ และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม (เป็นการรวมการทำงานของระบบคานแข็งและระบบอิสระเข้าไว้ด้วยกัน) ซึ่งการเซ็ตระบบกันสะเทือนในรูปแบบนี้เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล
แต่ทางเจ้าของรถได้ทำการ UP GRADE เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เป็นแบบ PERFORMANCE ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ชุดโช้คอัพและสปริงของ TRD รวมถึงล้อได้เลือกใช้ VOLK CE28 ขอบ 17 นิ้ว กว้าง 7.5 นิ้ว กับยางขนาด 215/45 ช่วยให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนดีกว่าเดิม แต่อาจต้องแลกมาด้วยความกระด้างบ้างเล็กน้อย
ระบบเบรกจากเดิมที่ได้รับการติดตั้งดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบ ABS ช่วยให้เกิดความมั่นใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ทางเจ้าของรถก็ยังเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการเปลี่ยนจานเบรกไปใช้ของ RUNSTOP แบบมีร่องกับรูช่วยระบายความร้อนและผงฝุ่นที่เกิดจากผ้าเบรก





ภายในคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมเกจ์วัด HKS
ภายในห้องโดยสาร นอกจากความสะดวกสบายจากความกว้างขวางที่มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแล้ว ยังได้ทำการเพิ่มความทันสมัยด้วยการตกแต่งในส่วนของคอนโซลกลางและที่เท้าแขนบริเวณประตูด้วยการเคลือบลายคาร์บอน พวงมาลัยได้นำของ TRD มาใช้แทนของเดิม ซึ่งพวงมาลัยที่เปลี่ยนใหม่นี้ยังมีระบบ AIR BAG ให้ใช้งานด้วย ส่วนหัวเกียร์เพื่อให้เข้าชุดกัน จึงได้เปลี่ยนไปใช้หัวเกียร์ของ TRD เช่นกัน

ในส่วนของเบาะนั่งคู่หน้าก็เปลี่ยนไปใช้ของ RECARO พร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบ 4 จุด จาก SABELT นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งเกจ์วัดเพิ่มเติมตามสมัยนิยมถึง 3 ตัว ซึ่งทั้งหมดเป็นของ HKS CHRONO (เป็นรุ่นล่าสุด) ประกอบด้วยวัดบูสต์, วัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง และวัดแรงดันน้ำมันเครื่อง เท่านั้นยังไม่พอ บริเวณคอพวงมาลัยก็ทำการติดตั้งเทอร์โบไทเมอร์จาก HKS เอาไว้ด้วย แต่อุปกรณ์จาก HKS ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะบริเวณคอนโซลกลางยังได้ติดตั้งชุดสวิตช์ ENGINE STRAT
อุปกรณ์ไฮเทคอีกชิ้นที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าจริง ๆ นั่นคือ HKS CAMP ซึ่งจะเป็นตัวแสดงค่าการทำงานต่าง ๆ ออกมาทางจอมอนิเตอร์ (คล้ายกับของ SKYLINE R34) โดยค่าแสดงผลที่เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้แสดงออกมาก็จะมี FUEL (ปริมาณแรงดันเบนซินที่ปั๊มติ๊กจ่าย), COST (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง), SPEED (ความเร็ว หน่วยเป็น กม./ชม.), INJECTION (การทำงานของหัวฉีด บอกค่าเป็น %), REV (รอบเครื่องยนต์)

ที่นำเสนอไปนี้เป็นเพียงข้อมูลของคันแรกเท่านั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาดูข้อมูลของคันที่สองกันต่อเลยดีกว่า

ALTIS+LEWIN BY RPM
คันที่สองเมื่อนำมาเทียบกับคันแรกแล้ว สามารถสังเกตจากจุดเด่นที่ผมได้บอกไปข้างต้น ก็คือฝากระโปรง โดยคันแรกเป็นสีเหลือบแดง แต่ในคันที่สองนี้ ฝากระโปรงจะเป็นแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งก็เป็นผลงานจากร้าน YATT เช่นกัน จากนั้นมาดูที่กันชนหน้าก็พบกับสเกิร์ตหน้าสไตล์ ALTIS CLUB และกระจังหน้าจาก AUTOBACS ไล่มาที่ด้านข้างก็จะพบกับสเกิร์ตข้างของ LEWIN BY RPM ส่วนด้านหลังก็ทำการติดตั้งสปอยเลอร์จาก UDS FIBER ที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของความสวยงามแล้ว ยังมีส่วนช่วยสร้างแรงกดในขณะใช้ความเร็วสูงอีกด้วย
นอกจากชุดบอดี้พาร์ทที่ช่วยเสริมความหล่อแล้ว ยังได้ทำการเปลี่ยนไฟหน้าไปเป็นรุ่น S ส่วนไฟหลังก็จัดการเปลี่ยนไปใช้ตัว MINOR CHANGE






เครื่อง 1ZZ-FE เน้นการโมดิฟายแบบ LIGHT TUNED เหมือนกัน
สำหรับเครื่องยนต์ที่ถูกติดตั้งมากับรถคันนี้ก็เป็นเครื่องยนต์ความจุ 1,800 ซี.ซี. ในรหัส 1ZZ-FE เช่นกัน ซึ่งแรงม้าที่ติดตัวมากับพลัง 136 แรงม้านั้น ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานในระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้าอยากได้การขับขี่ที่สนุกสนานมากขึ้น ก็จะต้องมีการโมดิฟายกันบ้าง ซึ่งการโมดิฟายในขั้นตอนนี้ คงเน้นการโมดิฟายในสูตรวัยรุ่นนิยมแบบ LIGHT TUNED ด้วยการเปลี่ยนเฮดเดอร์ไปใช้สูตร 4-2-1 พร้อมด้วยการขยายท่อไอเสียเป็นขนาด 2 นิ้ว ไปจนถึงหม้อพักใบหลัง โดยขั้นตอนการปรับปรุงในส่วนของระบบไอเสียทั้งหมดนี้ ทางเจ้าของมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของร้าน MENG HEADER
ระบบจุดระเบิดยังคงใช้หัวเทียนเบอร์ 6 อยู่ แต่ได้ทำการเปลี่ยนไปใช้แบบ IRIDIUM ของ TRD และเพื่อให้ทุกอย่างสัมพันธ์กันจึงได้จัดการปรับปรุงในเรื่องของอากาศที่เข้าเครื่องยนต์ให้มีปริมาณที่สูงกว่าเดิม ด้วยการหันไปใช้แผ่นกรองอากาศจาก HKS ช่วยให้อากาศสามารถไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ได้สะดวกกว่าของเดิม ระบบส่งกำลังก็ไม่ได้ปรับปรุงอะไร เพราะของเดิมที่ใช้อยู่ในขณะนี้เป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งจะเน้นการใช้งานที่สะดวกสบายมากกว่า






ช่วงล่างเน้นความสปอร์ต
ระบบช่วงล่างจากเดิมติดรถมา เน้นการขับขี่ที่นุ่มนวล แต่เพื่อสมรรถนะที่เพิ่มเติมบวกเข้ากับความสวยจากความสูงของตัวรถที่ต่ำลง จึงได้ทำการเปลี่ยนไปใช้โช้คหน้าและสปริงโหลดจาก TRD พร้อมกับติดตั้งค้ำโช้คหน้าของ RTN MOTORSPORT ส่วนล้อก็ได้ทำการเปลี่ยนใหม่เพื่อช่วยในเรื่องของสมรรถนะและเพิ่มความสวยงามด้วยการหันไปใช้ล้อ RH EVOLUTION GT ขอบ 17 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว กับยางขนาด 215/45 เพียงเท่านี้ ก็ทำให้เจ้า ALTIS คันนี้ดูหล่อขึ้นมาอีกพอสมควร




ภายในโดดเด่นด้วยลายคาร์บอน
ความโดดเด่นของผู้ที่รักและชื่นชอบกับการตกแต่งรถนั้น การที่จะตกแต่งใช่ว่าจะทำกันแค่เพียงบางจุดเท่านั้น แต่การตกแต่งมักจะทำกันในทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นภายนอก เครื่องยนต์ และภายในห้องโดยสาร ซึ่งในคันนี้ก็เช่นกัน ได้ทำการตกแต่งภายในห้องโดยสารกันใหม่ เริ่มตั้งแต่นำชิ้นส่วนในหลาย ๆ จุดไปทำการเคลือบลายคาร์บอน ต่อจากนั้นก็เปลี่ยนพวงมาลัยไปใช้แบบก้านยกของ SPARCO และเปลี่ยนไปใช้หัวเกียร์ที่ดูเข้ากันจากTRD นอกจากนี้ยังได้ทำการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเข้าไปเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเทอร์โบไทเมอร์ A’PEXi รุ่นที่เรียกกันว่าปากกา ซึ่งเจ้าเทอร์โบไทเมอร์รุ่นนี้ นอกจากจะช่วยตั้งเวลาดับเครื่องแล้ว ยังมีความพิเศษตรงที่สามารถแสดงค่าอย่างอื่นได้อีก
จากการนำเสนอเรื่องราวของ TOYOTA COROLLA ALTIS ทั้งสองคันนี้ไป ถึงแม้จะไม่ใช่รถที่แรงในขั้นบ้าพลังอย่างที่เคยนำเสนอไป แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของความหล่อแล้วล่ะก็ รับรองว่าไม่แพ้ใครแน่นอน อย่างน้อยในรถรุ่นเดียวกันก็เรียกได้ว่า ทำกันค่อนข้างครบเกือบทุกส่วน และถ้าหากผู้อ่านท่านใดสนใจอยากจะลงหนังสือแบบนี้บ้าง ก็ลองติดต่อเข้ามาตามที่อยู่ในหนังสือได้นะครับ