แนะนำสำหรับใครที่ดูคลิปหนังออนไลน์แล้วสะดุด ให้ลองใช้ google chrome ครับ

google chrome มีคุณสมบัติที่ดีสำหรับนักท่องเว็บครับ เพราะโหลดหน้าเว็บได้เร็ว และ ดูคลิปหนังออนไลน์ได้ดี ไม่สะดุด ลองหามาใช้กันครับ ติดตั้งง่าย และ เร็ว ที่สำคัญฟรีๆไม่มีค่าใช้จ่าย ลองดูคุณสมบัติ google chrome

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วันนี้เราไปชมภาพและประวัติของสาวสวยแห่งเมืองอาทิตย์อุทัย กันครับ
FAIRLADY สาวสวยแห่งเมืองอาทิตย์อุทัย เสน่ห์ของเธอช่วงเย้ายวนเหลือเกิน (ที่ผมพูดหมายถึงเรื่องรถ อย่าพึ่งคิดฝันไปถึงเรื่องอื่น) ภายใต้คอนเซป Z รถสปอร์ตของค่าย Nissan รุ่นนี้ยังครองความนิยมแบบไม่เสื่อมคลาย มาดูกันว่า FAIRLADY Z ชื่อนี้มีประวัติสืบทอดกันมาอย่างไร กว่าจะมาเป็น Z ตัวปัจจุบันที่ครองใจคนทั่วโลก

ประวัติอันยาวนาน
สืบประวัติเล่าว่าแต่ยาวนาน จากสมัยรถรุ่นคุณปู่เริ่มในปี
1952 FAIRLADY
DC-3 เป็นรถ 2 ประตู รุ่นแรก ถือว่าเป็นโบราณคลาสสิกคาร์ เครื่องยนต์เพียง 850 ซีซี 20 แรงม้าถือว่า เป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในสมัยนั้น ปัจจุบันหาดูได้ยากมากจนมาถึง
1959 – 1964 FAIRLADY SPL210, SPL211,SPL212,SPL213 เป็นรูปแบบรถยนต์สปอร์ต 2 ประตูเปิดประทุนเครื่องยนต์มีตั้งแต่รุ่น 988 ซีซี 34 แรงม้า รุ่น 1189 ซีซี 60 แรงม้า และเครื่องยนต์ 1488 ซีซี 71 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 4 สปีด ความเร็วตีนปลายกว่า 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังเป็นรถที่ผลิตขึ้นมา เพื่อเข้าร่วมรายการแข่งขันมากมายหลายรายการ ทำให้ Datsun เริ่มมีชื่อเสียงในวงการ Motor Sport

1965 -1967 FAIRLADY SP310 ผลิตในปี 1965 -1967 ด้วยเครื่องยนต์เพียง 1595 ซีซี 90 แรงม้า และในปี 1967 ได้ถือกำเนิดฝาแฝดรุ่นน้อง Silvia SP311 เกิดมาเพื่อการแข่งขัน ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1982 ซีซี ให้พลัง 145 แรงม้า ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ในสมัยนั้น 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเป็นจุดเริ่มต้นรถยนต์พลังสูงของ Datsun เลยทีเดียว

ก่อกำเนิดเกิดตระกูลซี (Z-Car)
ในปี 1966 กระแสความนิยมรถสปอร์ตสมัยนั้นถือว่ากำลังมาแรง หลังจากการปฎิวัติรูปโฉมรถยนต์ครั้งใหญ่ซึ่งแตกต่างจากยุคต้นปี 60 ทำให้บริษัทรถยนต์ต่างๆทั่วโลกหันมาผลิตรถสปอร์ต ออกมาแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดกันมากขึ้น เน้นกันที่รูปร่างเพรียวยาว เครื่องยนต์พลังแรงสูง และสมรรถนะที่ดี โดยทาง Datsun ได้วาง Project 2000GT ออกมา ด้วยการว่าจ้างนักออกแบบชาวเยอรมัน Albrecht Goertz ผู้ที่เคยสร้างผลงาน BMW Sports 507 มาแล้ว แต่โครงการนี้ก็ถูกล้มเลิกไป หลังจากที่ไม่ผ่านมาตรการด้านเครื่องยนต์ จวบจนในปี 1969 นำโดย มรโยชิฮิโกะ มัตสึโอะ , มร.เทอิชิ ฮาระ ฝ่ายออกแบบ และผลิต ประทานบริษัท ดัสสัน มอเตอร์ มร.ยูทากะ คาตายามา ที่ได้ถูกส่งตัวไปทำตลาดยังสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกันที่จะออกแบบ และ ผลิตรถสปอร์ต 2 ประตู โดยงัด Project 2000GT ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ภายใต้คอนเซป Z หรือความไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยความคาดหวังว่าจะต้องเป็นรถที่ขายดีทั่วโลก และก็จริงดังคาด

Generation 1
1969-1978 FAIRLADY Z
240Z 260Z 280Z รหัส S30

ถือเป็นรุ่นแรกของสายการผลิต และถือเป็นเจ้าตำนานของรถตระกูลซี (Z-Car) รูปร่างภายนอก ด้วยรูปแบบสปอร์ต 2 ประตู 2 ที่นั่ง ไฟหน้ากลม รูปทรงล้ำสมัยคล้ายจรวดทางเรียบ แน่ใจได้เลยว่าออกแบบมาเพื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง มิติตัวถังรถ กว้าง X ยาว X สูง 115X1630X1290 mm. ระยะฐานล้อหน้า – หลัง 1355และ1345 mm. ความยาวระหว่างล้อหน้า – ล้อหลัง 2305 mm ช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ซึ่งจะถือได้ว่าเกาะถนนได้เป็นอย่างดี แบ่งตามรุ่น รหัสตัวถัง และเครื่องยนต์ดังนี้

240Z รหัส S30, S30Z, GS-30Z
เปิดตัวครั้งแรกที่ ห้องบอลรูม โรงแรมปิแอร์ กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 22 ตุลาคม 1969 รูปทรงไม่ต่างจาก Z432 ในประเทศญี่ปุ่นที่เปิดตัวพร้อมกัน เครื่องยนต์ใช้ขนาด 2390 ซีซี 6 สูบแถวเรียง ป้อนเชื้อเพลิงด้วยคาบูเรเตอร์แบบคู่ของ HITACHI-SU ในรหัส L24 ให้พลัง 150 แรงม้า (DIN) ที่ 6000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดถึง 148 ฟุตปอนด์ที่ 4400 รอบต่อนาที

Z432 รหัส PS30
เปิดตัวในเดือน ตุลาคม 1969 ประเทศญี่ปุ่น มีจำนวนเพียง 420 คัน ภายใต้ฝากระโปรงที่ยาวเหยียด ซุกซ่อนด้วยขุมพลังขนาด 1998 ซีซี 6 สูบแถวเรียง 4 วาล์วต่อสูบ จ่ายน้ำมันด้วยคาบูเรเตอร์ถึง 3 ตัว ในเครื่องรหัส S20 ให้กำลัง 160 แรงม้าที่ 7000 รอบต่อนาที แรงบิด 18.0 Kg/m ที่ 5600 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Z432-R รหัส PS30 S
Z432-R หรือ Racing ภายนอกจะเหมือนกับ Z432 ต่างกัน ด้วยฝากระโปรงหน้าแบบไฟเบอร์ กระจกหลังแบบ plexiglass เบาะคู่หน้าแบบบัคเก็ตซีต ลดน้ำหนักตัวถังรถให้เบาด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบางส่วนให้บางลง สปอยเลอร์ท้ายทรงตูดเป็ด และล้อแม็คจากโรงงาน ทำให้มีน้ำหนักลดลงถึง 100 กิโลกรัม เครื่องยนต์เปลี่ยนคาบูเรเตอร์ใหม่เบอร์ N40 PHH-AR 152 อัตราทดเกียร์แบบ Close Ratio และเฟืองท้ายแบบ LSD

240ZG รหัส HS30-S
เปิดตัวในเดือนตุลาคม ในปี 1971 จุดประสงค์เพื่อใช้ในการแข่งขัน Grande Prix Red, Grande Prix White และ Grande Prix Maroon ตามกฎ Homologate ในการแข่งขัน Group 4 Racing ที่ทาง FIA ได้กำหนดไว้ว่ารถที่เข้าร่วมแข่งขัน ต้องเป็นรถที่อยู่ในสายการผลิต และจำหน่ายด้วย ออกมาเป็นรุ่นพิเศษมีรหัสตามท้ายว่า G หรือ "Grande." ทำการลดน้ำหนักด้วยฝากระโปรงหน้าไฟเบอร์กลาส กระจกหลังแบบ acrylic ขยายซุ้มล้อหน้า - หลังให้กว้างขึ้นด้วย Over Finder สปอยเลอร์หลังแบบไฟเบอร์ และปิดช่องลมด้านหน้าด้วยกันชนหน้าทรงใหม่ ซึ่งทำให้ได้ชื่อรุ่นนามว่า "G-nose"

260Z รหัส S30
เป็นรุ่นที่เปลี่ยนเครื่องยนต์จากขุมพลังขนาด 2.4 ลิตร ขยายความจุเพิ่มขึ้นเป็นขนาด 2.6 ลิตร 6 สูบ 2565 ซีซี มีพลัง 145 แรงม้า (DIN) ที่ 5000 รอบต่อนาที แรงบิดที่ 140 ฟุตปอนด์ที่ 3500 รอบต่อนาที ในบล็อก L26 ซึ่งเป็นเครื่องที่แรงม้าน้อยกว่า แต่ให้แรงบิดสูงสุดในรอบที่ต่ำกว่า เน้นการออกตัวที่ดี ขับขี่ง่ายขึ้น ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 4 สปีด อัตราทดเฟืองท้าย 3.364 : 1 ส่วนรุ่นที่ขายในญี่ปุ่น ใช้เฟืองท้ายอัตราทด 3.9 : 1 และยังมีเกียร์ออโต้แบบ 3 สปีดมาให้เลือกใช้อีกด้วย
280Z รหัส S30
ใช้เครื่องยนต์บล็อก L28 ที่ได้ขยายความจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.8 ลิตร ผลิตแรงม้าได้ 155 ตัว (DIN) แรงบิดสูงสุดที่ 163 ฟุตปอนด์ เพิ่มออฟชั่นขึ้นมากมาย ถือว่าเป็นรุ่นท็อป และสมบูรณ์ที่สุดใน S30 ด้วยที่นั่งเพียง 2 ที่นั่ง

260Z, 240Z, 280Z รหัสตัวถัง S-31 (2+2)
ผลิตขึ้นในปี 1974 ภายใต้พื้นฐานตัวถังเดิม แต่ได้ปรับขยาย ห้องโดยสารภายในให้กว้างขึ้น เพิ่มความสูงของหลังคาด้านท้ายให้สูงขึ้น เพื่อรองรับที่นั่งเพิ่ม จากเดิมเพียง 2 ที่นั่ง เป็น 2 + 2 ที่นั่ง แม้จะมีความเป็นอเนกประสงค์เพิ่มมากขึ้น แต่ความนิยม FAIRLADY 2 ที่นั่งกลับได้รับความนิยมมากกว่า เครื่องยนต์มีให้เลือกขนาด 2.4 ลิตรในรุ่น 240Z และ 2.6 ลิตรในรุ่น 260Z จนถึง 280Z ในเครื่อง 2.8 ลิตร

Generation 2
1978- 1983 FAIRLADY Z
280 Z รหัส S-130Z

เวอร์ชั่นที่ 2 ของสายการผลิต FAIRLADY Z เป็นการดีไซน์ใหม่ ด้วยการปรับเปลี่ยนบอดี้ใหม่ทั้งหมด แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์คล้ายรุ่นเดิม ด้วยฝากระโปรงหน้าที่ลาดยาว ไฟหน้าทรงกลม และด้านท้ายใหม่เพื่อให้รองรับ 4 ที่นั่งได้อย่างลงตัวมากขึ้น การบาล้านน้ำหนักหน้า – หลังแบบ 50/50 ถือว่าดีที่สุดในเรื่องการออกแบบ และ ด้วยรูปทรงที่เพรียวยาว กระจกท้ายลาด ทำให้มีค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทานอากาศเพียง 0.385 CD ช่วงล่างพัฒนาขึ้นด้วย Macpherson Strut ด้านหน้า และ Semi –Trailing Arm ด้านหลัง พวงมาลัยเพาเวอร์ และดิสเบรก 4 ล้อ กระจกไฟฟ้า หลังคาซันรูป และภายในที่ทันสมัยขึ้นอย่างมาก

1978 280ZX
เครื่องยนต์ใช้เครื่องยนต์บล็อก L28 ขนาด 2.8 ลิตร ผลิตแรงม้าได้ 155 ตัว (DIN) แรงบิดสูงสุดที่ 163 ฟุตปอนด์
280ZX-R (Racing)
ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในการแข่งขัน ตามกฎ Homologate ด้วยจำนวนการผลิตเพียง 1001 คัน เพิ่มแรงกด Down force ด้วยสปอยเลอร์หลัง

1980 280ZX Limited Edition
เป็นรุ่นฉลองครบรอบ 10 ปี ของ FAIRLADY Z ด้วยรุ่น Limited Edition มีความพิเศษที่ความเป็นสีทู
โทน มีจำนวนการผลิตเพียง 3000 คัน ด้วยสี ดำ-ทอง จำนวน 2500 คัน และดำ – แดง เพียง 500 คันเท่านั้น
1980 280ZX T-Bar Roof
มีความพิเศษกว่าด้วยการทำหลังคา แบบ T-Bar ซึ่งสามารถเปิดหลังคาตรงช่วงกลางออกได้ เหลือเพียงเสากลางของหลังคาเท่านั้น ให้ความสวยงามไปอีกขั้น

1981 280ZX Turbo
ทาง Datsun ได้นำเครื่องยนต์ Turbo มาใช้กับ FAIRLADY Z เป็นครั้งแรก ด้วยเครื่องยนต์บล็อค 2.8 ลิตร ซึ่งได้ทำการลดกำลังอัดจาก 8.3 : 1 เหลือเพียง 7.4 : 1 พ่วงด้วยเทอร์โบชารจ์เจอร์ของ Garrett AiResearch รหัส TB03 อัดอากาศเข้าเครื่องยนต์โดยตรงแบบไม่ผ่านอินเตอร์คูลเลอร์ ด้วยแรงดันขนาด 8.3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ในเครื่องยนต์บล็อคที่ชื่อใหม่ว่า L28ET ควบคุมระบบการสั่งจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด และคอมพิวเตอร์ ทำให้ได้กำลังเพิ่มเป็น 180 แรงม้า ส่งผ่านเกียร์แบบอัตโนมัติ 3 สปีด ทำเวลา 0- 60 mph ใช้เวลาเพียง 7.8 วินาที และเวลา คอเตอร์ไมล์ 402 เมตร เพียง 16.6 วินาที
1982 – 1983 280ZX
เป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนา และ ออฟชั่นเพิ่มเติม ด้วยกระทะล้ออัลลอยจากโรงงาน เสาหลังคาหลังแบบ B-pillar พวงมาลัยเพาเวอร์แบบ rack-and-pinion และเกียรธรรมดา 5 สปีด รหัส T5 ในรุ่น Turbo ซึ่งมีอัตราทดแบบจัดจ้าน จึงทำให้รุ่นนี้เป็นรุ่นที่สมบูรณ์ที่สุดของ 280ZX

ขอบคุณที่มา www.thaispeedcar.com